วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2563

#พี่วุดไม่ออกจากห้อง Chapter 17 : [RyanTom]


#พี่วุดไม่ออกจากห้อง Chapter 17

“พี่วุดดด” เจ้าตัวเล็กดื้นยุกยิก พยายามพลิกตัวให้หันหน้าเข้าหากัน สบตาร่างสูงในความมืด
ส่งมือไปสัมผัสแก้มอีกฝ่าย ลากผ่านแผ่วเบา และหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก ดวงตาฉ่ำจ้องมองสลับกับสบตาแฟนหนุ่ม

“สงสัยอะไรครับ?”

“สงสัยว่าตรงนี้” นิ้วเรียวจิ้มที่ริมฝีปากพี่วุด “จูบใครมาแล้วบ้าง”

คนโตกว่าหลุดขำเบา ๆ พลางเอื้อมมากุมมือเล็กไว้ “อยากรู้ไปทำไมครับ”

“ก็...อยากรู้ว่าใครคือผู้โชคดีบ้าง”

“ไม่มีใครโชคดีเท่าพัดแล้ว”

“แปลว่าพัดเป็นจูบแรกเหรอ?” คนอายุน้อยกว่าหรี่ตา ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่เชื่อหรอก”

“ไม่ได้บอกว่าพัดเป็นจูบแรกครับ แต่บอกว่าโชคดีที่สุด เพราะพี่ชอบจูบพัดที่สุดไง”

“คนลามก!” ทั้งที่เป็นคนเริ่มก่อนแท้ ๆ แต่พัดปัดความผิดใหักับคนอายุมากกว่าซะงั้น
แถมยังมุดหน้าเข้าไปใต้ผ้าห่ม เดือดร้อนให้วุดต้องมุดตามเข้าไปด้วย
พัดพยายามปิดใบหน้าแดงซ่านของตนเอง แต่แล้วก็ไม่รอดพ้นสายตาของวุด

คนตัวเล็กกัดริมฝีปาก ช้อนตามองอย่างเขินอาย สบเข้ากับแววตาเอ็นดูที่ทำให้อบอุ่นไปทั้งใจ
สัมผัสลมหายใจอุ่นร้อนแผ่วเบาที่แก้ม พัดเพิ่งเข้าใจคำพูดของพี่วุดตอนี้เอง
ว่าเขาโชคดีมากจริงๆที่ได้จ้องมองดวงตาสีเฮเซลนัทใกล้ขนาดนี้ หรือแม้แต่สัมผัสอ่อนโยนที่ริมฝีปาก..

พี่วุดไม่เคยเริ่มต้นอย่างจาบจ้วง แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเล็กน้อย เขาเริ่มต้นด้วยจูบดูดดื่ม แทรกแซง ขบเม้ม
ดูดดึงราวกับริมฝีปากของพัดคือขนมหวาน ฝ่ามือร้อนยื่นสัมผัสแก้มเนียน ลูบเบา ๆ ที่สันกราม
ก่อนจะจบตรงท้ายทอย และรั้งให้ใบหน้าหวานเข้าใกล้มากขึ้น

พัดหัวใจเต้นระส่ำเมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นใต้เสื้อยืด ทั้งที่เตรียมใจมาแล้ว แต่พอเกิดขึ้นจริง ๆ
ร่างกายของเขากลับสั่นไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่ฝ่ามืออุ่นลูบผ่านแผ่นหลังมายังอกบาง
แรงเค้นเบา ๆ ทำร่างบางสะดุ้ง สัญชาตญาณสั่งให้มือเล็กดันอกกว้างห่าง ทันทีที่วุดผละออก พัดหอบหายใจ
แต่ไม่ทันไร คนโตกว่าก็ช่วงชิงอากาศอีกครั้ง

เสียงอื้ออึงดังชัดเจนเมื่อร่างสูงผละออกมาไล่จุมพิตจากลำคอขาว เลื่อนลงต่ำเรื่อย ๆ
เราต่างก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่มันจะจบลงที่การจูบไปทั้งตัวเหมือนครั้งก่อน
เพราะในตอนนี้เราต้องการกันและกันมากเกินกว่าที่จะห้ามการกระทำเหล่านั้นได้

คนมีประสบการณ์มากกว่าพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างเล็ก และทำทุกอย่างให้ชัดเจนด้วยการสอดมือเข้าใต้กางเกงขายาว
ลูบที่ต้นขาขาว คนตัวเล็กชันขาขึ้นเล็กน้อยรับสัมผัสวาบหวามนั้น
หน้าท้องหดเกร็งยามริมฝีปากร้อนจุมพิต มือเล็ก ๆ สัมผัสท่อนแขนแกร่ง
ฝังเล็บลงตรงนั้นเมื่อความเสียวซ่านเล่นงานอย่างหนัก

“ฮื่ออ พี่วุด..”

วุดกำลังจะเสียสติเพราะเสียงหวานเอ่ยชื่อ เขาจัดการดึงกางเกงขายาวและชั้นในออกอย่างเร่งรีบ
จนพัดต้องยกมือขึ้นปิดใบหน้าเพราะเขินอาย จริงอยู่ที่เราถึงเนื้อถึงตัวบ่อยครั้ง
แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เกิดเลยมาถึงจุดนี้

ใบหน้าหล่อผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งมือสัมผัสส่วนกลางลำตัวเด็กหนุ่ม ร่างบางบิดเร้า
มือเล็กปัดป่ายไปทั่วจนสุดท้ายวุดต้องดึงมาวางไว้บนไหล่ของตน แล้วจึงเริ่มขยับมือเป็นจังหวะเชื่องช้า
แว่วเสียงครางหวานบางเบา วุดซุกใบหน้าลงกับซอกคอกรุ่น
สูดดมกลิ่นหอมตักตวงความเร่าร้อนจากร่างเล็กตรงหน้า

มือใหญ่เร่งจังหวะเร็วขึ้น พัดผวายกแขนขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง ซุกหน้าลงกับไหล่
เปล่งเสียงกระท่อนกระแท่น ก่อนสมองของเขาจะขาวโพลนและฝ่ามือของคนรักเต็มไปด้วยหยาดน้
แห่งความสุขสม

พัดหอบหนัก ดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ โผกอดแฟนหนุ่มแน่น กระซิบแผ่วเบาข้างหู

“แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย”

“หืม?”

“ให้พัดรู้สึกดีแบบนี้คนเดียว ไม่ยุติธรรม” วุดผละออกมาสบตาร่างเล็กเพราะไม่ไว้ใจคำพูดของคนเมาสักเท่าไหร่
แต่พอเห็นสีหน้างอแงก็หลุดยิ้ม

“ใครบอกว่าพี่จะให้พัดรู้สึกดีคนเดียวครับ?”

“ก็...ก็พี่วุดไม่ทำกับพัด”

“ทำอะไรครับ”

“ทำไง..ทำ” จบประโยคก็มีท่าทางฟึดฟัด ทำทีจะพลิกตัวหนี แต่คนตัวสูงหยุดการกระทำนั้น ด้วยการดึงมือเล็กไว้
และเข้าจูบที่ริมฝีปากบาง สอดปลายลิ้นเอาใจเด็กใจร้อนสลับกับดูดดึงจนคนตัวเล็กต้องส่งเสียงประท้วง

“พี่ไม่ยอมให้เราได้เปรียบหรอกนะ” พูดขึ้นทั้งที่ปลายจมูกยังคงคลอเคลียอยู่กับพวงแก้มใส “นี่เพิ่งเริ่มเอง”

พูดจบก็ก้มลงจูบที่ลำคอขาวอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ลืมที่จะทิ้งรอยจาง ๆ ไว้
ลากปลายลิ้นร้อนมาหยุดที่ยอดอกสีหวาน หยอกล้อกระทั่งร่างทั้งร่างบิดเกร็ง
วุดค่อยดึงมือเล็กจับขอบกางเกงของตน

“ถอดให้หน่อยครับ”

“ไม่เอาอ่ะ” พัดปฏิเสธหนักแน่น เขาจะไม่มีวันทำแบบนั้นแน่ เพราะแค่นี้ก็เขินยังแย่อยู่แล้ว

“นะครับ...นะคนดี”

“ถึงพูดเพราะผมก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะฮะ”

“ไหนบอกว่าอยากให้พี่ทำไงครับ” แววตาเว้าวอนของพี่วุดทำเขาใจอ่อน สุดท้ายพัดก็ยอมปลดกางเกงของอีกฝ่าย
เขาเผลอกัดริมฝีปาก และนั่นทำให้วุดอดไม่ได้ที่จะโน้มเข้าไปจูบเบา ๆ ด้วยความหมันเขี้ยว

หลังจัดการกับกางเกงให้พี่วุดเรียบร้อย ท่าทีของพัดก็เปลี่ยนไปทันที จากเด็กขี้ยั่วที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
กลายเป็นคนเขินอายทำอะไรไม่ถูก

วุดโน้มตัวแนบแก้มของตนกับคนรัก คลอเคลียไม่ห่างจากใบหน้าหวาน
และมอบจูบดูดดื่มอีกครั้งเพื่อเบนความสนใจขณะที่สอดปลายนิ้วเข้ากับช่องทางรัก
พัดสะดุ้งผวาเกาะไหล่อีกฝ่ายแน่น ดวงตาปิดแน่น ความเจ็บปวดเข้าแทนที่จนดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ
เดือดร้อนให้วุดต้องจูบซับน้ำตา

“ให้พี่หยุดไหม”

เด็กหนุ่มเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จนวุดเริ่มใจไม่ดี
เด็กหนุ่มพยายามควบคุมลมหายใจของตนเองก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ
ซึ่งหลังจากนั้นวุดก็ขยับเข้าออกเชื่องช้าเพื่อให้เจ้าตัวเล็กได้เตรียมความพร้อม

“พัดรักพี่วุดนะฮะ”

เสียงหวานสั่นเครือ เมื่อความเจ็บปวดเริ่มแปรเปลี่ยนไปทีละน้อย พลางรั้งใบหน้าหล่อเข้ามาจูบ
มือเล็กซุกซนเอื้อมสัมผัสแกนกายของร่างสูงก่อนจะใช้นิ้วเกี่ยวชั้นในออกช้า ๆ มันอาจจะทุลักทุเลไปบ้าง
แต่ก็น่าเอ็นดูไม่น้อย จนวุดอดคิดไม่ได้ว่าที่เงียบไปเมื่อกี้เพราะกำลังรวบรวมความกล้ามาปั่นหัวเขา

“ขี้ยั่ว”

“แล้วรักหรือเปล่าฮะ”

“รักจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว”

ริมฝีปากบางหลุดยิ้ม และก่อนจะซุกซนมากไปกว่านี้วุดถอนมือจากช่องทางและแทนที่ด้วยแกนกายของตัว
เขาผ่อนลมหายใจช้า ๆ ขณะแกนกายเข้าไป มือเล็กจิกลงบนไหล่ ใบหน้าหวานเชิดขึ้นเล็กน้อย
ส่งเสียงแทนความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น

แรงบีบรัดภายในทำวุดแทบเสียสติ แม้จะเป็นเรื่องยากเพราะเราดื่มอย่างหนัก แต่เขาก็พยายามตั้งสติ
บอกให้ตัวเองใจเย็นเพราะไม่อยากให้ครั้งแรกรุนแรงจนเกินไป

จูบไม่ได้ช่วยลดทอนความต้องการเลยสักนิด แต่กลับยิ่งโหมไฟให้เราต้องการกันและกันมากยิ่งขึ้น
วุดแยกขาพัดเล็กน้อย และเริ่มขยับแกนกายเชื่องช้า ให้อีกฝ่ายคุ้นชิน ฝ่ามือร้อนลูบไลเอวบางและหยุดที่สะโพก
เค้นคลึงเพื่อให้อีกฝ่ายผ่อนคลาย และมันได้ผล เพราะอีกฝ่ายกำลังบิดเร้าด้วยความเสียวซ่าน
ร่างบางเอนไหวไปตามจังหวะการสอดใส่

“อ๊ะ...พ-พี่วุด...ฮึก...รู้สึกดีจัง”

คนเมาไม่โกหกหรอก…

คนโตกว่าเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น ใบหน้าซุกอยู่กับซอกคออีกครั้ง เขาได้ยินเสียงครางหวานชัดเจน
รวมถึงแรงบีบที่ไหล่ เปล่งเสียงทุ่มต่ำในลำคอยามใกล้สุขสมเต็มที

เด็กหนุ่มกอดร่างสูงแน่น ใบหน้าเชิดขึ้น ก่อนกระตุกเกร็งและปลดปล่อยเยอะหน้ากล้ามเนื้ออีกฝ่าย
เช่นเดียวกับวุดที่ปลดปล่อยภายในช่องทางรัก

เราทั้งคู่หอบหายใจหนัก ยิ้มบางให้กัน ก่อนจูบอีกครั้ง แผ่วเบา เพื่อพาเรากลับมายังสภาวะปกติ
เด็กหนุ่มตัวปวกเปียกเพราะกิจกรรมเมื่อครู่สูบพลังงานไปจนหมด ไหนจะการเดินทางที่แสนยาวนาน
และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

วุดทิ้งตัวลงข้าง ๆ ประคองร่างพัดเข้ามาในอ้อมกอด จุมพิตที่หน้าผากมน

“พี่รักพัดนะ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วจึงเงยหน้าขึ้นจุ๊บเบา ๆ ที่คางของพี่วุด
แล้วจึงกลับไปมุดอกกว้างดังเดิมและจมเข้าสู่ห้วงนิทราโดยไม่สนว่าคนรักจะกำลังแสดงสีหน้าอย่างไร
หัวใจเต้นแรงแค่ไหน


วุดลอบยิ้ม เอื้อมมือลูบผมนุ่มแผ่วเบา เขาอยากให้พัดรู้เหลือเกินว่าเขารักพัดมากแค่ไหน
และไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่ยอมปล่อยมือพัดเด็ดขาด…



TALK
ฝากเม้นเป็นกำลังใจในจอยลดาด้วยนะคะ จุ๊บบบ

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562






Title : Move on

Author : นกแก้วนูน่า



                “ที่มึงพูดมาก็ถูกนะ แต่ว่า...”

                “แต่มึงยังไม่อยากเลิกกับเขา?”

                เตนล์ถอดหายใจ มองเพื่อนสนิทนั่งก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นตรงหน้า เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมซึงฮวานไม่ยอมเลิกกับแฟนทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายคนนั้นซุกบ้านเล็กบ้านน้อยไว้เพียบ แถมยังแอบคุยจนถึงตอนนั้น


                กะอีแค่ตัดใจ มันจะยากตรงไหน


                “เอาจริง มึงแค่กลัวว่าถ้าตัดสินใจเลิดมึงจะเสียใจจนเสียสติ แต่บอกเลยว่ามันจะเจ็บหนักแค่อาทิตย์แรก หลังจากนั้นมึงจะไม่รู้สึกอะไรเลย เชื่อกูสิ กูผ่านมาแล้ว”

                “นั่นมันมึงไง แต่กูทำใจไม่ได้ กูยังต้องเจอ ต้องทำงานด้วยกันอยู่”

                “บอกแล้วอย่าเอาเพื่อนเป็นแฟน”

                “มึงตัวแรกเลยเตนล์” เธอพูด ก่อนจะหลุดหัวเราะทั้งที่ดวงตาแดงกร่ำ “มึงทำได้ แต่กูทำไม่ได้ ขอโทษจริงๆ”

                “ทำไงได้ หลวมตัวมาเป็นเพื่อนกันแล้วนี่”

                “เตนล์!!

                คนถูกตวาดหัวเราะร่า “กูเคารพการตัดสินใจมึง แต่ถ้าเริ่มทนไม่ไหว ก็ลอง Move on ดู”

                “แบบมึงนี่เรียก Move on แล้วเหรอวะ เห็นบางทียังตึงๆใส่กันอยู่เลย”

                “มันตึงใส่กูต่างหาก”

                ขณะที่กำลังนั่งเถียงกันอยู่ เสียงโหวกเหวกโวยวายดังจากนอกห้อ ซึ่งทั้งคู่ไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด เรามาเที่ยว และมีตั้งวงดื่มด้วยกัน ถ้าจะเสียงดังไปบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา

                จนกระทั่งประตูห้องเปิดออก เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งชะโงกหน้าเข้ามา มองตรงไปที่ร่างบางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

                “เตนล์ ไปซื้อเหล้าเป็นเพื่อนโดยองหน่อยดิ”

                ดวงตาเรียวเบิกโพลง อ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งเพราะไม่แน่ใจว่าเพื่อนล้อเล่นหรือพูดความจริง ก่อนจะแกล้งทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน

                “ทำไมต้องกูด้วยอ่ะ”

                “ก็ไม่เมา”

                “แล้วทำไมต้องโดยอง”

                “ก็มันเมาน้อยสุด”

                “มันไปคนเดียวไม่ได้ไง”

                เพื่อนคนนั้นส่ายหน้า “มันกลัวผี”

                คนอย่างโดยองเนี่ยนะกลัวผี ไอ้บ้านั่นจิตแข็งจะตาย อย่างหนังผีเรื่องล่าสุดที่ไปดูด้วยกัน เขากลัวหัวหด แต่หมอนั่นกลับหยิบป๊อปคอร์นเข้าสบายใจ

                ทั้งเตนล์ และซึงฮวานต่างก็รู้ว่าอีกฝ่ายโกหก เรามองหน้ากันอย่างมีนัยยะ ก่อนหญิงสาวจะใช้ข้อศอกกระทุ้งเรียกสติ

                “เอาน่า ถ้ามึง Move on ได้แล้ว แค่นี้ไม่น่ามีปัญหาหรอก”

                “ปากดี”

                “ก็อยากรู้ว่าวิธีมึงได้ผลแค่ไหน เป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจว่าควรเลิกกับแฟนไหม”

                “ถ้ากูกลับมาจะเทเหล้ากรอกปากมึง”

                ซึงฮวานยักไหล่ เตนล์เริ่มคิดแล้วว่ายัยนี่ต้องเป็นนังงูพิษแน่ๆ เมื่อกี้ยังร้องห่มร้องไห้ทำบรรยากาศเสียหมด แล้วดูตอนนี้สิ ยิ้มยียวน แถมยังดันเขาให้เข้าไปหาโดยองอีก

                เอาเข้าจริง พอได้เผชิญหน้ากันตรงๆ ผู้ชายคนนั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน และมีอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

                “ไปกันเลยไหม”

                เตนล์เป็นฝ่ายเริ่มก่อน พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้ใครจับผิดได้ แล้วจึงเดินนำออกไปจากบ้านพักตากอากาศ

                บรรยากาศตอนกลางคืน ท่ามกลางหาดทรายสีขาว สายลมแผ่วเบา และแสงจันทร์นวลผ่อง ดูแล้วโรแมนติกมากกว่าน่ากลัว แต่เตนล์เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยโดยองไม่รู้สึกอะไรเลย

                เห็นแสงไฟจากร้านขายของชำอยู่ใกล้ๆ แต่ทุกก้าวที่เดินกลับรู้สึกว่ามันอยู่ห่างไกลออกไปทุกที อาจเป็นเพราะบรรยากาศอึดอัดที่เกิดขึ้นระหว่างเรา

                “คุยอะไรกับซึงฮวานเหรอ”  โดยองเอ่ยขึ้นเพื่อนทำลายความเงียบ สายตาจ้องมองด้านข้างของร่างบาง

                “ก็..เรื่องแฟนของซึงฮวานแหละ”

                “จับได้อีกแล้วเหรอ”

                “อาห้ะ ครั้งนี้ครั้งที่ 3 แล้ว”

                ประโยคนั้นทำคนตัวสูงพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าเพราะซึ่งฮวานไม่ใจเด็ดเหมือนเตนล์ หรือเพราะผู้ชายเล่นไม่เลิกกันแน่ ถ้าถามความคิดเห็นโดยองล่ะก็ สำหรับเขาแค่ครั้งเดียวที่ทำลงไปมันก็เกินพอแล้ว

                “เดาว่านายคงยุให้เลิก”

                “ใช่”

                “เห็นด้วยนะ ทำผิดตั้ง 3 ครั้งไม่ควรให้อภัย”

                “แค่ครั้งเดียวก็ไม่ควรให้อภัย”

                อีกแล้ว โดยองสะอึกกับคำพูดเตนล์อีกแล้ว “เฮ้...แต่กับบางคนเขาก็สำนึกได้นะ ควรให้โอกาส”

                “เหรอ แล้วอย่างนายสำนึกได้หรือยัง”

                “...”

                คำพูดเหล่านั้นเหมือนมีดเล่มใหญ่ปักเข้ามากลางอกของโดยองและถูกขยี้ด้วยแรงแค้นทั้งหมดที่เตนล์มี จากที่คิดว่าจะขอโทษ จะขอโอกาส กลายเป็นว่าตอนนี้ความมั่นใจของเขาหดหายไปทั้งหมด เตนล์ยังคงฝังใจ และสิ่งที่เขาพยายามอาจไม่มีความหมาย

                “แต่ไม่ว่านายจะสำนึกได้หรือไม่ ฉันก็ไม่ใส่ใจหรอก เพราะฉันออกมาแล้ว Move on และไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นกับนายอีกแล้ว”

                “ถ้า Move on แล้วทำไมยังเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่”

                คราวนี้เป็นเจ้าตัวเล็กที่พูดไม่ออก พูดกันตามจริง  ไม่มีวันไหนที่เขาไม่เสียใจ ไม่มีวันไหนที่เขาไม่คิดถึง แค่..มันน้อยลงบ้างก็เท่านั้น สุดท้ายแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่มีใครให้เกียรติเขาเท่าผู้ชายคนนี้

                แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เพราะทิฐิของเขา เตนล์ไม่อยากเป็นคนโง่ในสายตาใครทั้งนั้น และเขาคิดว่าการให้โอกาสคือการทำให้คนผิดได้ใจ ไม่รู้สิ...แต่เท่าที่เห็นโดยองก็เหมือนจะรู้สึกผิดจริงๆ ไม่งั้นคงมีแฟนใหม่ไปนานแล้ว

                เตนล์ไม่ได้ก้าวเท้าเร็วขึ้นเพื่อเดินหนี เขาลดจังหวะลง เพื่อซึมซับบรรยาย ขบคิด และเพิ่มเวลาที่จะได้อยู่กับแฟนเก่าต่ออีกหน่อย เมื่อรู้ว่าเราเดินมาถึงครึ่งทางแล้ว

                “รู้ไหม ฉันคิดว่ามันมีทางออกที่ดีกว่าการเลิกกันนะ”

                “ไม่มีทาง มันเป็นเรื่องของสันดารคน”

                “มันก็ไม่เสมอไปหรอก ลองคิดดูดีๆนะ คนที่มีบ้านเล็กบ้านน้อยทำไมเค้าไม่เลิกกับเราเลย”

                “ทำไม”

                “ก็เพราะเค้ารักเราที่สุดไง”

                สองเท้าหยุดเดินทันที ร่างบางขมวดคิ้ว ก้มหน้าลงมองพื้นทรายอ่อนยวบ..มันเหมือนกับหัวใจของเขาตอนนี้เลย พลันดวงตาร้อนผ่าว ความอ่อนแอที่ปกปิดมาตลอดทวีขึ้นจนแทบล้นออกมาให้คนตรงหน้าเห็น

                “ถ้ารัก...ก็ต้องไม่ทำแบบนั้นสิ”

                “...”

                “ถ้ารักทำไมไม่อยู่ด้วยกัน”

                “...”

                “มันก็มีทางออกอีกมากมายเหมือนกันที่จะรักกันโดยไม่ต้องมีคนอื่น”

                เสียงสั่นเครือเป็นสัญญาว่าอาการไม่ดี คนตัวสูงพยายามมองหน้าแฟนเก่า ก่อนเอื้อมไปจับมือเล็ก

                “นายมันแย่ที่สุด กล้ามีคนอื่นได้ยังไง ทำฉันระแวง ทำฉันเสียใจ และตอนนี้ฉันออกมาได้แล้ว นายก็ยังทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้อีก แย่!! แย่ที่สุด!”

                มือเล็กสะบัดจากการเกาะกุม และกำมือทุบลงบริเวณไหล่ของโดยองทันที ทำคนผิดน่วมไปทั้งตัว กระทั่งร่างสูงวาดแขนกอดร่างบางไว้

                “ฉันขอโทษ ฉันไม่ทำแบบนั้นแล้วนะ ฉันไม่ทำแล้ว”

                “ฉันเกลียดนาย”

                “รู้แล้วครับ..ขอโทษ”

                “...”

                “สิ่งที่ฉันพูดทั้งหมดไม่ได้เจตนาให้นายรู้สึกแบบนี้ ฉันเข้าใจที่นาย Move on ได้ นายทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่าฉัน...ฉันทำแบบนายไม่ได้”

                “ทุกครั้งที่ฉันพยายามจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน ฉันจะคิดถึงนายเสมอ หรือทุกครั้งที่ฉันมองนาย ฉันจะนึกถึงเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นกับเรา”             

                “...”

                “ฉันยอมรับผิดทุกอย่างเลย โอเคไหม? นายจะมีกฎอะไรกับฉันก็ได้ จะตรวจแชท จะขังฉันไว้ในห้องก็ได้ ขออย่างเดียว...อย่าบอกเลิกกันอีก”

                “...”

                “นายบอกว่ามีทางออกอีกมากมายที่จะรักกันโดยไม่ต้องมีคนอื่น แต่นายไม่ต้องใช้วิธีอะไรพวกนั้นเลย เพราะฉันจะซื่อสัตย์กับนาย”

                “แล้ว..จะเชื่อได้ยังไง”

                แว่วเสียงสะอื้นแผ่วเบา และรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่ไหล่ โดยองกระชับอ้อมแขนพร้อมกับเม้มริมฝีปาก ตั้งแต่เริ่มเป็นเพื่อน ได้คบกัน เลิกกัน จนมาวันนี้ที่เขาขอโอกาสอีกครั้ง เขารู้มาตลอดว่าเตนล์ใจแข็งมากแค่ไหน เขาอาจต้องกลับไปที่บ้านพักด้วยความผิดหวัง และนั่งดื่มกับเพื่อนในวงจนเมาเละไปข้าง...แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะขอโอกาส

                “ก็คงต้องลองคบดูก่อน”

                “ถ้ามันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกล่ะ”

                “ไม่ต้องคิดถึงอดีตหรืออนาคตแล้ว ถามใจของนายตอนนี้ดีกว่า ว่ายังคิดถึงกันอยู่ไหม จะดีกว่านี้ไหม ถ้าเราได้อยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน”

                คนตัวเล็กพยักหน้ารับ และนั่นทำให้เขาใจชื้น กระทั่งมือเล็กค่อยดันอกกว้างออก ช้อนดวงตาแดงกร่ำขึ้นมอง

                “มันคงดีกว่านี้”

                “ใช่...แต่มันจะไม่เป็นแบบนั้น ถ้านายไม่ให้โอกาสฉัน”

                มือหยาบสัมผัสแก้มเนียน เกลี่ยหยดน้ำตาที่เลอะแก้ม จ้องลึกไปในดวงตาคู่นั้น

                “ฉัน...คิดว่าเราน่าจะรออีกสักนิด”

                แววตาของโดยองเปลี่ยนไปทันที เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อระงับความผิดหวัง เสียงคลื่นซัดผืนทรายยังเบากว่าเสียงหัวใจที่เต้นดังเนิบนาบในอกของเขาตอนนี้ เอาล่ะ...อย่างน้อยเตนล์ก็ยังบอกให้รอ

                “...ได้สิ...นานแค่ไหนล่ะ”

                “ก็..รอจนกว่าจะเดินไปซื้อเหล้า แล้วก็กลับไปที่บ้านพักตากอากาศ ถึงตอนนั้นค่อยตอบตกลงก็แล้วกัน”

                ตัวแสบ!!

                ร่างสูงถึงไปไม่ถูก เนื้อตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด ยิ้มอย่างคนที่เสียรู้ให้เจ้าตัวแสบ ก่อนจะดึงตัวมากอดแรงๆ ให้ได้ยินเสียงโวยวายจากอีกฝ่าย และเมื่อผละออกมาเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มแบบเดิม อย่างที่เขาได้รับมาตลอด

                “ขอบคุณนะ”

                “คราวนี้ก็รักษาไว้ดีๆล่ะ”

                “อาห้ะ...จะไม่ให้หลุดมืออีกแล้ว”



#คลังSFนกแก้วนูน่า

End Credit

                “ทำมาเป็นบอกว่า Move on ได้แล้ว สุดท้ายกลับมาคืนดีกันเฉย”

                “สาระแน”

                “กลับเกลื่อนเก่ง บอกโดยองมันตึงใส่เอง จริงๆก็คือยังรู้สึกอยู่เลยตึงมาตึงกลับไม่โกง แล้วยังจะมาบอกให้กูทำตามอีกนะ”

                “ซึงฮวาน!! ถ้ามึงยังไม่หยุดกูจะแช่งให้ผัวมึงมีเมียใหม่”

                “กรี๊ดดดด ปากดี!!”



TALK!!
อาจจะติดขัดบ้าง เพราะไม่ได้เขียนอะไรแบบนี้นานแล้ว
และจะมี SF ชั่ววูบมาเรื่อยๆ สามารถติดามได้ใน Twitter : @sab_sang เลยะค้า
#คลังSFนกแก้วนูน่าด้วยนะค้า